ไม่ควรอุ่นอาหารทั้ง 8 อย่างนี้ซ้ำเพราะมันอันตรายมาก!!!!
หลายคนก็คงเคยมีอาหารที่เหลือรับประทานจากมื้ออื่นๆ พอรับประทานเสร็จก็แช่ตู้เย็นมื้อถัดไปก็นำมาอุ่นต่อ เพื่อจะได้รับประทานใหม่และยังประหยัดอีกด้วยใช่ไหมล่ะคะ แต่รู้ไหมคะว่ามีอาหารบางชนิดที่อุ่นซ้ำแล้วก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเรานะคะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะคะว่ามีอาหารอะไรบ้าง วันนี้เรามีอาหารมาฝากถึง 8 ชนิดด้วยกันที่อุ่นซ้ำแล้วเป็นอันตราย! ไปอ่านกันเลย
1.คื่นช่าย
เมื่อนำไปผักคื่นช่ายนี้ไปอุ่นซ้ำจะทำให้สารไนเตรทที่อยู่ในผักนี้ออกมากลายเป็นพิษ เพราะการได้รับความร้อนนั่นเอง
2.ไข่ต้มและไข่กวน
ตกใจกันล่ะสิว่าทำอุ่นซ้ำไม่ได้ ที่อุ่นซ้ำไม่ได้ก็เพราะว่าถ้าเราอุ่นซ้ำๆโปรตีนที่อยู่ในไข่จะกลายสภาพได้และส่งผลให้คุณไม่สบายได้เมื่อรับประทานเข้าไป
3.ผักโขม
เหตุผลเดียวกับคื่นช่ายเลยค่ะ แต่ร้ายแรงกว่าตรงที่สามารทำให้เป็นมะเร็งได้เมื่อนำไปอุ่นซ้ำ นี่สิคะน่ากลัวสุดๆ
4.เห็ด
ในเห็ดนั้นมีโปรตีนเป้ฯส่วนประกอบด้วย ถ้าคุณนำเห็ดไปอุ่นซ้ำๆก็จะทำให้โปรตีนนั้นเสื่อมสภาพและก่อให้เกิดอันตรายต่อต่อกระเพาะอาหารได้นั่นเอง
5.มันฝรั่ง
การนำมันฝรั่งไปทำให้สุกแล้วเก็บในตู้เย็นนั้นเป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตของเชื่อแบคทีเรีย แต่ถ้านำไปอุ่นซ้ำก็จะทำให้แบคทีเรียนั้นกลายเป็นพิษมาทำร้ายคุณได้นั่นเอง!
6.เนื้อไก่
ปกติเมื่อเราทำให้เนื้อไก่นั้นสุกแล้วเรายังไปอุ่นซ้ำๆก็จะทำให้โปรตีนในเนื้อไก่แปลสภาพได้อาจทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหารได้เลยนะคะ
7.บีทรูท
บีทรูทนั้นเป็นผักที่มีสีม่วง ซึ่งจะมีสารประกอบที่ชื่อว่าไนเตรทประกอบอยู่ด้วย ถ้าหากสารนี้ได้รับความร้อนก็จะทำให้อาหารนั้นเป็นพิษ ทางที่ดีนะคะควนทำให้สุกแล้วรับประทานแบบเย็นๆจะดีกว่าเพื่อไม่ให้เกิดอาการปวดท้องนั่นเองค่ะ
8.ข้าว
อันนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บข้าวสารค่ะว่าเก็บได้สะอาดแค่ไหน ถ้าหากเก็บไว้ในที่ที่ไม่สะอาดก็อาจจะก่อให้เกิดเชื้อแบคทีเรียก็เป็นได้นะคะ จะบอกว่าถึงทำให้ข้าวสุกเชื้อพวกนี้ก็ยังไม่ตายนะคะ และสามารถเจริญเติบโตได้อีกถ้าทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง! ถ้าคุณรับประทานไปอาจเป็ฯพิษได้และอาจทำให้คุณท้องได้นะคะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ 8 อาหารที่อันตรายถ้าคุณเอามาอุ่นซ้ำๆ จริงๆแล้วการอุ่นอาหารก็แค่ยืดอายุอาหารให้เรารับประทานได้นานขึ้นแต่ถ้าได้อ่านบทความนี้จบคุณจะเลือกได้เลยว่าคุณไม่ควรอุ่นอาหาร 8 ชนิดนี้เด็ดขาดเพราะจะทำให้ส่งอันตรายต่อสุขภาพของคุณและครอบครัวนั่นเอง!
...........................................
ที่มา สมัครงานราชการ
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)