หากใครกำลังมองหาอาชีพเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว วันนี้เรามีอีกหนึ่งอาชีพมานำเสนอกัน เขาว่ากันว่าอาชีพนี้สามารถทำเงินได้ไม่น้อยเลย แถมยังไม่ค่อยมีใครทำกันมากเท่าไร จึงยังมีช่องทางอยู่มาก ใครอยากลองอาชีพใหม่ มาลองพิจารณาอาชีพนี้กันเลย
มะกรูด เป็นพืชทนแล้งและไม่ต้องการน้ำมาก สามารถปลูกได้ดีในดินทุกชนิด แต่หากเราต้องการปลูกเพื่อจำหน่ายใบมะกรูด การให้น้ำก็มีความจำเป็นในการแตกใบของมะกรูดเช่นกัน โดยเฉพาะในฤดูแล้งที่จะเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย. ไปจนถึงเดือน พ.ค. และจะสามารถตัดใบไปจำหน่ายได้ในทุกๆ 3 – 4 เดือน
ศิวาวุธ สงวนทรัพย์ เป็นอดีตผู้ช่วยทนายความที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของสวนมะกรูด บ้านสนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม เขาเล่าอาชีพของตัวเองให้ฟังว่า
“ผมมีที่ดิน 4 ไร่ ตั้งใจไว้ว่าหลังเกษียณจะออกไปทำเกษตร แต่ก็ต้องลาออกก่อนเวลา ทั้งๆที่ยังไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย ตอนแรกยังคิดไม่ออกจะทำอะไรดี”
“ตอนแรกคิดจะปลูกมะนาวนอกฤดู เพราะหน้าแล้งทุกปี มะนาวจะมีราคาแพง แต่ด้วยไม่มีความรู้การทำเกษตรแม้แต่นิดเดียว ประกอบกับช่วงนั้นศูนย์วิจัยและพัฒนาไม้ผลเขตร้อน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จัดอบรมการผลิตการทำสวนมะกรูดระยะชิด ตนเองจึงได้ไปอบรมเรียนรู้ และคิดว่าถ้าปลูกมะนาวนอกฤดูได้แม้รายได้จะงาม แต่การดูแลนั้นยุ่งยาก ต้องใส่ปุ๋ยฉีดยาเกือบทุกวัน จึงเบนเข็มหันมาสนมะกรูดแทน เพราะดูแลง่ายกว่า”
รายได้ที่คุณศิวาวุธได้มาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เขาทุ่มเทและใส่ใจในรายละเอียดกับมันอย่างจริงจัง จนทำให้เขาประสบความสำเร็จเหมือนอย่างเช่นทุกวันนี้
“ก่อนลงมือทำ ผมไปหาข้อมูลการซื้อขายในตลาดค้าส่ง-โรงงานแปรรูป แรกๆไม่มีใครอยากคุยด้วย แถมบางรายบอกว่า มีมะกรูดเมื่อไรแล้วค่อยมาเจอกัน ยอมรับว่าอายมาก แต่ความอยากมันมีมากกว่าเลยเก็บข้อมูลไปเรื่อย ซึ่งเรื่องแบบนี้เกษตรกรบ้านเราไม่ค่อยศึกษา คิดปลูกอะไรก็ลงมือทำเลย ถึงได้มีปัญหาเป็นหนี้กันมากมาย”
การสำรวจตลาดทำให้คุณศิวาวุธรู้ว่า ตลาดใบมะกรูดไม่ธรรมดา ความต้องการมีมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญราคาไม่แกว่งเหมือนมะนาว ความต้องการภาคครัวเรือนก็นิยมใบมะกรูดสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยราคาในประเทศอยู่ระหว่าง กก.ละ 7-15 บาท ส่วนราคาส่งออกต่างประเทศอยู่ที่ กก.ละ 100-150 บาท
ด้วยความแตกต่างของราคาเช่นนี้ ศิวาวุธจึงมองตลาดไปไกลยังต่างประเทศ และต้องมีการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้ได้ดีขึ้น
จากเดิมที่ปลูกมะกรูดในที่โล่งกลางแจ้ง ก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นสร้างโรงเรือนติดมุ้ง เพื่อให้การจัดการปัญหาศัตรูใบมะกรูด หนอนชอนใบ เพลี้ยไฟ ไรแดง และแคงเกอร์ และยังทำให้ใบมะกรูดมีคุณภาพ สีสวย รูปทรงไม่บิดเบี้ยว ได้คุณภาพตามมาตรฐานส่งออกfh;p
“ลงมือไปแล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ แม้จะผ่านการอบรมมา แต่เพราะเราไม่มีความรู้การปลูกพืชเลย ช่วงมะกรูดออกใบใหม่ เห็นก้อนเล็กๆสีขาว เคลื่อนไหวได้ ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ต้องตัดใบมะกรูดใส่ถุง ขับรถไปหาอาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ถึงรู้ว่ามันคือเพลี้ยแป้ง ต้องตัดแต่งกิ่งนำออกไปกำจัดข้างนอก เสียเวลาเสียรายได้ไปถึง 9 เดือน”
จากความไม่รู้อะไรเลย ศิวาวุธก็ใฝ่รู้และเก็บประสบการณ์ จนทุกวันนี้เขาปลูกมะกรูด 4 ไร่ ทุกๆ 3 เดือน จะตัดใบขายได้ 4 ตัน หากเป็นใบสดจะส่งไปขายมาเลเซีย, สิงคโปร์ ส่วนใบแห้งและใบแช่แข็งจะส่งไปญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างรายได้ให้เขาอย่างมากมาย กล่าวคือ ทุกๆ 3 เดือนจะตัดขายใบมะกรูดได้ 4 แสนบาทต่อไร่ ก็ลองคูณกันเอาเองนะคะ ว่าปีหนึ่งเขาจะมีรายได้เท่าไร เรียกว่าเป็นเศรษฐีเลยก็ว่าได้
สำหรับใครที่กำลังคิดทำธุรกิจอะไรสักอย่าง อย่าลืมศึกษาตลาดให้ดีเหมือนกับคุณศิวาวุธ เพราะการที่คุณใส่ใจมันตั้งแต่ต้น จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จกับมันได้อย่างสูงสุดเลยทีเดียว
....................................
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ไทยรัฐ
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)