ประกาศแล้ว..สรรพากรเพิ่มการลดหย่อน 2 เท่า และปรับฐานภาษีใหม่…เงินเดือนต่ำกว่า 26,000 ไม่ต้องเสียภาษี


มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายเตรียมเฮ เพราะปีหน้าเราจะเสียภาษีลดลงอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้กระทรวงการคลังได้ออกประกาศแจ้งแล้วว่า  "คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ซึ่งมีผลโดยตรงต่อผู้เสียภาษีทุกคน ดังต่อไปนี้

1. ปรับปรุงการหักค่าใช้จ่ายของเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า ฯลฯ อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร
จากเดิมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 40 ของเงินได้แต่ไม่เกิน 60,000 บาท เปลี่ยนเป็นร้อยละ 50 ของเงินได้แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

2. ปรับปรุงการหักค่าใช้จ่ายของเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
จากเดิมหักได้เฉพาะค่าแห่งลิขสิทธิ์โดยให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 40 ของค่าแห่งลิขสิทธิ์แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ขยายเพิ่มให้ ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 50 ของเงินได้ดังกล่าวแต่ไม่เกิน 100,000 บาท หรือหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรได้



3. ปรับปรุงการหักค่าลดหย่อน ข้อนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีเงินได้ทุกคน ทำความเข้าใจให้ดี
(1) ค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
(2) ค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรสของผู้มีเงินได้ จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
(3) ค่าลดหย่อนบุตรจากเดิมคนละ 15,000 บาท และจำกัดจำนวนไม่เกิน 3 คน เป็นคนละ 30,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนบุตร และยกเลิกค่าลดหย่อนการศึกษาบุตร (จากเดิมที่ให้หักลดหย่อน 2,000 บาท/คน)
(4) ในกรณีที่คู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120,000 บาท
(5) กองมรดกเดิมให้หักลดหย่อนได้ 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
(6) ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เดิมให้หักลดหย่อนแก่หุ้นส่วนคนละ 30,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท เป็นคนละ 60,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 120,000 บาท

4. ปรับปรุงขั้นเงินได้ และบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ใช้ในปีหน้า คือ
เงินได้สุทธิ     ตั้งแต่ 150,001-300,000 บาท จ่ายอัตราภาษีร้อยละ 5
ตั้งแต่ 300,001-500,000 บาท จ่ายร้อยละ 10
ตั้งแต่ 500,001-750,000 บาท จ่ายร้อยละ 15
ตั้งแต่ 750,001-1,000,000 บาท จ่ายร้อยละ 20
ตั้งแต่ 1,000,001-2,000,000 บาท จ่ายร้อยละ 25
ตั้งแต่ 2,000,001-5,000,000 จ่ายร้อยละ 30 และ
ตั้งแต่ 5,000,001 ขึ้นไป จ่ายร้อยละ 35


5. ปรับปรุงเกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ำที่ผู้มีเงินได้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ดังนี้
(1) กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว
หากผู้มีเงินได้เป็นโสด จากเดิมต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 50,000 บาท เป็นต้องมีเงินได้เกิน 100,000 บาท
หากผู้มีเงินได้มีคู่สมรส จากเดิมต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้รวมกันเกิน 100,000 บาท เป็นต้องมีเงินได้รวมกันเกิน 200,000 บาท

(2) กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) และมีเงินได้ประเภทอื่นด้วย หรือกรณีมีเฉพาะเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน
หากผู้มีเงินได้เป็นโสด จากเดิมต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 30,000 บาท เป็นต้องมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
หากผู้มีเงินได้มีคู่สมรส จากเดิมต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้รวมกันเกิน 60,000 บาทเป็นต้องมีเงินได้รวมกันเกิน 120,000 บาท

(3) กรณีกองมรดกของผู้ตายที่ยังมิได้แบ่ง จากเดิมต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 30,000 บาทเป็นต้องมีเงินได้เกิน 60,000 บาท

(4) กรณีห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล จากเดิมต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้เกิน 30,000 บาท เป็นต้องมีเงินได้เกิน 60,000 บาท


การปรับปรุงดังกล่าวข้างต้นมีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2560 เป็นต้นไป
จะเห็นว่าการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารูปแบบใหม่นี้ จะทำให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีความเป็นธรรมต่อผู้มีรายได้น้อย และสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบัน คาดว่าการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะช่วยบรรเทาภาระภาษีแก่ผู้มีเงินได้ได้
โดยจากการคำนวณจะพบว่า บุคคลที่มีเงินได้ประเภทเงินเดือนและหักลดหย่อนส่วนตัวโดยไม่ใช้สิทธิลดหย่อนรายการอื่น จะเริ่มเสียภาษีเมื่อมีเงินได้ 26,000 บาทต่อเดือน

วางแผนการเงินล่วงหน้าไว้ให้ดีๆนะคะ เพราะปีหน้าคุณอาจจะไม่ต้องลงทุนซื้อประกัน ซื้อกองทุน LTF หรือ RMF มากเท่ากับปีที่ผ่านๆมา เพื่อผลประโยชน์ทางภาษีของตัวคุณเอง

..........................................
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก matichon.co.th และ กรมสรรพากร



ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)

Share this :

Previous
Next Post »