1) สครับริมฝีปาก
ริมฝีปากแห้งเต็มไปด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เกาะอยู่ที่ริมฝีปากมากเกินไป กำจัดออกไปได้ด้วยการสครับริมฝีปาก แนะนำสูตร น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา และน้ำมันมะกอกอีก ½ ช้อนชา นำมาผสมให้เข้ากัน ใช้สครับเบาๆ ล้างให้สะอาดและทาลิปบำรุง ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง..
2) กักเก็บความชุ่มชื้นด้วยน้ำผึ้ง
ใช้น้ำผึ้งทาริมฝีปากไว้ 10-20 นาทีจึงล้างออก ควรทำทุกคืนก่อนนอน น้ำผึ้งนอกจากจะกักเก็บความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคอ่อนๆ จึงสามารถใช้รักษาบาดแผลได้ดี และใช้กับริมฝีปากที่แห้งแตก และลอกจนแสบเจ็บได้เช่นกัน
3) ลิปอโลเวร่า
เลือกใช้ลิปบำรุงหรือเจลที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ หรือ อโลเวร่า มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาเพิ่มความชุ่มชื้น วิธีการบำรุงด้วยส่วนผสมจากธรรมชาตินี้จะช่วยบรรเทาอาการแห้งแตกของริมฝีปากได้
4) นวดริมฝีปากด้วยออยล์
เลือกออยล์หรือน้ำมันที่สกัดได้จากธรรมชาติบางชนิด เช่น น้ำมันละหุ่ง น้ำมันสกัดจากเมล็ดทานตะวัน น้ำมันมะกอก รวมทั้งโจโจบาออยล์ นำมาทาริมฝีปาก นวดเบาๆ เพื่อให้มันซึมและเคลือบไปทั่วริมฝีปาก กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด จะทำให้ปากชุ่มชื่น ดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ทันที
5) ดื่มน้ำมากๆ
โดยดื่มให้เพียงพอวันละ 8-10 แก้ว หากว่าคุณมีปัญหาริมฝีปากแห้งยิ่งต้องดื่มให้มากขึ้น ยิ่งอายุที่เพิ่มมากขึ้น เซลล์ในร่างกายก็จะยิ่งเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง ยิ่งจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ทุกส่วนของผิวรวมถึงริมฝีปากด้วย
6) ไม่เลียริมฝีปาก
บางคนที่มีนิสัยชอบเลียปากบ่อยๆ รวมถึงการเม้มปาก เอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารที่อยู่ในน้ำลายสามารถทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปากได้ จึงไม่ควรเลียริมฝีปากค่ะ
7) ทาลิปบาล์มเป็นประจำ (Lip balm)
เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ควรทาเป็นประจำเช้า-เย็น เลือกชนิดที่มีสารป้องกันแสงแดดในตอนกลางวัน และควรมีพกติดกระเป๋าเพื่อใช้ทาในระหว่างวัน และเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากแห้ง
8) ทำความสะอาดริมฝีปาก
หลังการแปรงฟัน เลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มๆ แปรงเบาๆ ที่ริมฝีปากด้วยทุกครั้ง เพื่อกำจัดคราบอาหารและน้ำลาย แล้วอย่าลืมทาลิปบาล์มเพื่อเพิ่มและล็อกความชุ่มชื้นให้แก่เรียวปากด้วยทุกครั้งค่ะ
9) หลีกเลี่ยงยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่มีสารรุนแรง
คือที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง สารทำให้เกิดฟอง สารที่มีรสเผ็ดซ่าในยาสีฟัน และสารสร้างความสดชื่น สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ปากแห้งและแตกได้เช่นกัน ควรเลือกใช้ชนิดที่อ่อนโยน
10) อาหารบำรุงริมฝีปาก
เลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีมากขึ้น ด้วยเป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อความสมบูรณ์ของผิว รวมถึงริมฝีปากด้วย พบได้ใน ธัญพืชไม่ขัดสี, ผักใบเขียว, ถั่วเปลือกแข็งต่างๆ รวมไปถึงอาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งพบได้มากในผักและผลไม้ด้วยค่ะ
ความจริงแล้วริมฝีปากนั้นสามารถแห้งและแตกได้ทุกฤดูกาลค่ะ เราจึงต้องดูแลบำรุงริมฝีปากให้นุ่ม ชุ่มชื้น มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ริมฝีปากของคุณแห้งและแตกจนยากแก่การรักษา แต่หากว่าทำทุกวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น คุณควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดได้
ขอบคุณเนื้อหาจาก : http://kaijeaw.com/
ติดตามข่าวด่วน เกาะกระแสข่าวดัง บน Facebook คลิกที่นี่!(Like)